Line

apply now

โพสต์หรือใช้ Social Network ยังไงไม่ให้ตกเป็นเป้าของโจรและคนร้าย


อย่าให้คนอื่นรู้ว่าคุณไม่อยู่บ้านจาก “สภาพบ้าน”

ว่ากันว่าโจรจะเฝ้าดูลาดเลาบ้านที่เป็นเป้าหมายก่อนเสมอและเพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็น "บ้านที่ง่ายต่อการบุกเข้าไป“ จำเป็นต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้คนอื่นรู้ช่วงเวลาที่คุณไม่อยู่บ้านรวมถึงวิถีการดำเนินชีวิตของเจ้าของบ้านตอนที่อยู่ข้างนอก

  1. มาตรการป้องกันการถูกลักทรัพย์เมื่อกลับบ้านดึก
      ใช้วิธีการ Set แสงตามอุปกรณ์จับเวลา ที่สามารถตั้งเวลาให้มีไฟกระพริบได้ เพื่อให้คนภายนอกเห็นแสงไฟเหล่านั้น ทำให้เข้าใจว่ามีคนอยู่บ้าน

  2. มาตรการป้องกันการถูกลักทรัพย์เมื่อไม่อยู่บ้านเป็นเวลานาน
      เคลียร์กล่องจดหมายและหนังสือพิมพ์ระวังอย่าให้กล่องจดหมายเต็ม เพื่อไม่ให้คนภายนอกเห็นจดหมายค้างในตู้หลายวันเวลาคุณไม่อยู่บ้าน

อย่าปล่อยให้ "เนื้อหาของโพสต์บน Social media" ทําให้คนอื่นรู้ว่าไม่อยู่บ้าน

เนื้อหาที่คุณโพสต์บน Social media อาจทำให้คนอื่นรู้ไปถึงไลฟ์สไตล์หรือช่วงเวลาที่คุณไม่อยู่บ้านได้ ฉะนั้นเวลาจะโพสต์เนื้อหาอะไรลง Social media ขอให้คํานึงถึง 3 สิ่งต่อไปนี้




  1. การโพสต์ Social media แบบเรียลไทม์ เช่น "ฉันอยู่ที่นี่แล้ว!" หรือ "ฉันจะเดินทางไปทำธุระจนถึงวัน..." ก็เหมือนกับการโฆษณาให้คนอื่นรู้ว่าว่าไม่มีคนอยู่บ้าน หากคุณกำลังโพสต์อะไรบน Social media ให้เช็คให้ดีว่าเรื่องที่โพสไม่ใช่เรื่องราวที่กำลังดำเนินอยู่ ณ ขณะนั้น แต่เป็นเรื่องราวที่ผ่านไปแล้วการใช้คำในการโพสต์ อย่างเช่น "เมื่อวาน“ หรือ "ก่อนหน้านี้" เพื่อทำให้คนที่ดูโพสต์เราอยู่เข้าใจว่า เรื่องราวที่เราโพสต์ไปเป็นเรื่องราวที่เป็น "อดีต“จะลดความเสี่ยงได้มากกว่า

  2. อย่าโพสต์ข้อมูลตําแหน่งที่อยู่ แม้ว่าจะไม่ใช่โพสต์แบบเรียลไทม์ แต่โพสต์บน social media ที่มีข้อมูลตําแหน่งที่อยู่ก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกันเนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้บุคคลที่ไม่ประสงค์ดีสามารถวิเคราะห์ถึงช่วงเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ และวงจรการดำเนินชีวิตของคุณได้ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลตำแหน่งที่อยู่จะปลอดภัยกว่า

  3. จํากัดขอบเขตในการเปิดเผยข้อมูลบน social media การตั้งค่า Audience ให้กับโพสต์ใน Social media เป็น "Everyone" จะทำให้ทุกคนสามารถเห็นโพสต์ที่เราโพส ซึ่งจะกลายเป็นการเปิดเผยข้อมูลกับคนแปลกหน้าได้ ถึงแม้ว่าผู้โพสต์จะใส่ใจกับเนื้อหาที่โพสต์ไปบน Social media มากแค่ไหน แต่จากโพสต์หลายๆ โพสต์ที่เคยลงไปก่อนหน้านี้ก็เป็นสิ่งที่สามารถใช้วิเคราะห์พฤติกรรมของเจ้าของโพสต์ได้และถ้าหากสงสัยว่ามีบุคคลที่สามที่เป็นอันตรายกําลังจับตาดูคุณอยู่ ในการโพสต์ Social media แต่ละครั้งควรจะกำหนดสิทธ์ในการเปิดเผยโพสต์ให้เฉพาะกับบุคคลที่คุณไว้ใจ และอนุมัติคําขอเป็นเพื่อนจากบุคคลอื่นอย่างรอบคอบจะปลอดภัยกว่า

“วิธีการป้องกันการถูกลักทรัพย์“




วิธีป้องกันการถูกลักทรัพย์ที่ทำกันโดยทั่วไปคือ "การล็อกประตู" โจรจะทำการดูลาดเลาเบื้องต้น และจะพุ่งเป้าไปที่บ้านที่เจ้าของบ้านมีนิสัยไม่ชอบล็อคประตูโจรที่มีการวางแผนมาดี จะคิดว่าการปลดล็อกประตูเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป

ว่ากันว่าโจรจะมีเวลาไม่เกิน 5 นาทีในการค้นของในห้อง ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าคุณจะเดินออกไปแค่ร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ หรือแค่ออกไปทิ้งขยะหน้าบ้าน ก็มีความเป็นไปได้ที่โจรจะเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านในช่วงที่คุณออกไปข้างนอกเพียงไม่กี่นาที เฉพาะฉะนั้นจึงต้องไม่ลืมที่จะล็อกประตูทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก

หากประตูทางเข้าบ้านของคุณเป็นแบบแบบหนึ่งประตูแต่มีตัวล็อคสองตัว ขอให้ทำการล็อคทั้งสองกุญแจ เพราะยิ่งพวกโจรใช้เวลาในการบุกเข้าไปในบ้านนานเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งมีโอกาสยอมแพ้มากขึ้นเท่านั้น

แม้แต่ใน คอนโด หรือ อพาร์ตเมนต์ ที่มีระบบ Auto lock ให้ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย พวกโจรมีวิธีการที่เรียกว่า “การขี่หลัง” (Piggybacking) คือการที่คนร้ายเดินตามผู้อยู่อาศัยที่มีสิทธิผ่านประตูที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปทั้งที่ผู้บุกรุกไม่มีสิทธิ์ในการผ่านประตูนั้น ซึ่ง “การขี่หลัง” (Piggybacking) คนร้ายมักจะเป็นคนที่รู้คุณสมบัติของ Auto lock ดี ว่าบางครั้งจะทำงานผิดพลาด ทำให้ประตูไม่ล๊อค ดังนั้นจะประมาทไม่ได้