Line

apply now

ปัญหาขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุ เกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง

07 / 05 / 2568



อาการขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ผู้สูงอายุที่มีอาการขาอ่อนแรงจะเสี่ยงต่อการหกล้ม การเคลื่อนไหวลำบาก และอาจนำไปสู่ภาวะติดเตียงได้ในที่สุด ปัญหาขาอ่อนแรงเป็นสัญญาณเตือนที่ญาติและผู้ดูแลไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นอาการของโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที วันนี้ ซีคอมมีเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับปัญหานี้ พร้อมวิธีดูแลคนที่เรารักมาฝากกัน


ขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุ เกิดจากอะไร


ขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุ เกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากความเสื่อมตามวัยและจากโรคต่าง ๆ สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่

  • ความเสื่อมของกล้ามเนื้อตามวัย (Sarcopenia) : เมื่ออายุมากขึ้น มวลกล้ามเนื้อจะลดลงตามธรรมชาติ ผู้สูงอายุที่ขาดการออกกำลังกายจะยิ่งมีกล้ามเนื้อฝ่อลีบเร็วขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการขาอ่อนแรงและเคลื่อนไหวลำบาก
  • โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) : ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ตัน หรือแตก ทำให้สมองขาดเลือดและออกซิเจน ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนแรงครึ่งซีก ซึ่งรวมถึงอาการขาอ่อนแรงด้วย
  • หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Herniated disc) : เกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวดร้าวลงขา ชา และขาอ่อนแรง
  • ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม (Spondylosis) : ส่งผลให้ช่องทางเดินประสาทแคบลง กดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการขาอ่อนแรงและปวดขณะเดิน
  • โรคเบาหวาน (Diabetes) : ผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวานมานาน อาจเกิดภาวะปลายประสาทเสื่อม ทำให้มีอาการชา และขาอ่อนแรง
  • การขาดสารอาหาร (Malnutrition) : การขาดวิตามินบี 12 หรือวิตามินดี อาจส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้



ขาอ่อนแรง มีความเสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง

ขาอ่อนแรงมีความเสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง


อาการขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่ร้ายแรงหลายชนิด ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ โรคและภาวะเสี่ยงที่มักพบในผู้สูงอายุที่มีอาการขาอ่อนแรง ได้แก่

  • โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) : ผู้สูงอายุที่มีอาการขาอ่อนแรงเฉียบพลัน โดยเฉพาะเมื่อเกิดเพียงข้างเดียว อาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งต้องได้รับการรักษาภายใน 4.5 ชั่วโมงเพื่อลดความเสี่ยงต่อความพิการถาวร
  • ภาวะกล้ามเนื้อฝ่อลีบ (Muscle Atrophy) : หากไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างเหมาะสม กล้ามเนื้อจะยิ่งฝ่อลีบและอ่อนแรงมากขึ้น ทำให้เคลื่อนไหวลำบากและเสี่ยงต่อการหกล้ม
  • ภาวะกระดูกพรุน และกระดูกหัก : ผู้สูงอายุที่มีขาอ่อนแรงจะเสี่ยงต่อการหกล้ม และเมื่อร่วมกับภาวะกระดูกพรุน อาจนำไปสู่การเกิดกระดูกหักได้ง่าย โดยเฉพาะกระดูกสะโพก ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก
  • ภาวะติดเตียง : หากไม่ได้รับการฟื้นฟู ผู้สูงอายุที่มีอาการขาอ่อนแรงอาจมีการเคลื่อนไหวลดลงจนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงในที่สุด


ปัญหาขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุรักษาได้อย่างไร

การรักษาอาการขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุ จำเป็นต้องวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงก่อน แล้วจึงให้การรักษาที่เหมาะสม โดยแนวทางการรักษา มีดังนี้


การรักษาด้วยยา

การรักษาด้วยยาขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการขาอ่อนแรง เช่น

  • ยาต้านการอักเสบ ในกรณีที่มีการอักเสบของเส้นประสาท
  • ยาลดความดันเลือด กรณีป้องกันความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
  • ยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะปลายประสาทเสื่อม
  • วิตามินและแร่ธาตุเสริม เช่น วิตามินบี 12 วิตามินดี และแคลเซียม เพื่อช่วยบำรุงระบบประสาทและกล้ามเนื้อ


การรักษาด้วยกายภาพบำบัด

กายภาพบำบัดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุ โดยมีเป้าหมายเพื่อ

  • เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา
  • ปรับปรุงความยืดหยุ่นและช่วงการเคลื่อนไหว
  • ฝึกการทรงตัวเพื่อลดความเสี่ยงในการหกล้ม
  • ฝึกการเดินและการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง


การรักษาด้วยการผ่าตัด

ในบางกรณี เช่น ภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทที่รุนแรง หรือภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมที่กดทับเส้นประสาทอย่างมาก อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด แพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงอายุ สภาพร่างกาย และโรคประจำตัวของผู้สูงอายุ


วิธีป้องกันปัญหาขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุ

วิธีป้องกันปัญหาขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุ


การป้องกันปัญหาขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุทำได้หลายวิธี โดยเน้นการดูแลสุขภาพองค์รวม ดังนี้


กินโปรตีนให้เพียงพอต่อวัน

โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ผู้สูงอายุควรได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอเพื่อชะลอการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อ แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่

  • เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น ปลา ไก่
  • ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมรสจืด โยเกิร์ต เต้าหู้
  • ถั่วและธัญพืชต่าง ๆ

ผู้สูงอายุควรบริโภคโปรตีนประมาณ 1-1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน เพื่อชะลอการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและป้องกันอาการขาอ่อนแรง


ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันและรักษาอาการขาอ่อนแรง โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน (Resistance Training) ซึ่งช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ ได้แก่

  • การเดินเร็ว 30 นาทีต่อวัน
  • การออกกำลังกายในน้ำ
  • การฝึกโยคะหรือไทเก็กสำหรับผู้สูงอายุ
  • การบริหารกล้ามเนื้อขาด้วยการยกน้ำหนักเบา ๆ


พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนที่เพียงพอมีความสำคัญต่อการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและระบบประสาท ผู้สูงอายุควรได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ

  • นอนหลับให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
  • หลีกเลี่ยงการนอนดึก
  • จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการพักผ่อน
  • หากมีปัญหาการนอนหลับ ควรปรึกษาแพทย์


การดูแลผู้สูงอายุที่มีอาการขาอ่อนแรง จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือจากคนใกล้ชิด หากพบว่าผู้สูงอายุในครอบครัวมีอาการขาอ่อนแรง ควรพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุและให้การรักษาที่เหมาะสม นอกจากนี้ การปรับสภาพบ้านให้ปลอดภัย เช่น การติดราวจับ การกำจัดสิ่งกีดขวางทางเดิน และการใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน ก็เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาขาอ่อนแรง


SECOM มีบริการ "Smart Security Care" ระบบอัจฉริยะดูแลความปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ ด้วยระบบแจ้งเตือนทันทีผ่านมือถือ การติดตามกิจวัตรประจำวัน บริการเรียกรถพยาบาล ทีมงานมืออาชีพพร้อมเฝ้าระวังและโทรแจ้งตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้ครอบครัวอุ่นใจได้ว่าผู้สูงอายุจะปลอดภัยแม้อยู่คนเดียว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-026-6593