อยากเปิดร้านทองต้องทำอย่างไร มีอะไรบ้างที่ควรรู้
การเปิดร้านทองเป็นธุรกิจที่หลายคนมองว่าเป็นธุรกิจที่มั่นคงและสร้างรายได้ดี แต่กว่าจะเปิดร้านทองได้นั้น มีรายละเอียดและปัจจัยหลายอย่างที่ต้องเตรียมพร้อม ไม่ว่าจะเป็นเงินลงทุน ความรู้เกี่ยวกับทองคำประเภทต่าง ๆ และการดูแลความปลอดภัย วันนี้ซีคอมจะพาทุกคนไปดูกันว่าเปิดร้านขายทองต้องใช้อะไรบ้าง และควรมีเงินทุนเท่าไหร่
เปิดร้านทองต้องลงทุนเท่าไหร่
การเปิดร้านทองจำเป็นต้องมีเงินลงทุนสูง โดยเฉพาะในส่วนของสินค้าทองคำที่เป็นสินทรัพย์มูลค่าสูง นอกจากนี้ยังต้องลงทุนในเรื่องสถานที่และระบบรักษาความปลอดภัย เงินทุนในการเปิดร้านทองจะแตกต่างกันตามขนาดและทำเลที่ตั้ง ซึ่งสามารถแบ่งได้ ดังนี้
- ร้านขนาดเล็ก : ต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 3-5 ล้านบาท สำหรับทองคำแท่งและทองรูปพรรณจำนวนไม่มาก มักเปิดในพื้นที่ชุมชนหรือตลาดท้องถิ่น
- ร้านขนาดกลาง : ต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 7-10 ล้านบาท มีทองคำแท่งและทองรูปพรรณหลากหลายรูปแบบ มักเปิดในย่านการค้าหรือตลาดประจำอำเภอ
- ร้านขนาดใหญ่ : ต้องใช้เงินลงทุน 15 ล้านบาทขึ้นไป มีสินค้าครบวงจรทั้งทองคำแท่ง ทองรูปพรรณหลากหลายรูปแบบ และอาจมีเครื่องประดับอัญมณีด้วย มักเปิดในห้างสรรพสินค้าหรือย่านธุรกิจใจกลางเมือง
การเปิดร้านทองยังต้องมีเงินสำรองหมุนเวียนอีกอย่างน้อย 30% ของเงินลงทุนเผื่อไว้สำหรับการซื้อทองเพิ่ม และรองรับความผันผวนของราคาทองคำในตลาด
รู้จักกับประเภทของทองคำในการเปิดร้าน
ผู้ที่ต้องการเปิดร้านทองควรทำความเข้าใจประเภทและลักษณะของทองคำที่จะนำมาขายในร้าน เพราะแต่ละประเภทมีราคาและการคำนวณกำไรที่แตกต่างกัน รวมถึงมีวิธีการดูแลและเก็บรักษาที่ต่างกัน ซึ่งจะส่งผลต่อการบริหารจัดการร้านและการกำหนดราคาขาย
ทองคำแท่ง
ทองคำแท่งเป็นทองคำบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้นำไปขึ้นรูป มีความบริสุทธิ์ 96.5% หรือ 99.99% โดยที่นิยมในประเทศไทย คือ 96.5% ทองคำแท่งถือเป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูง มีค่ากำเหน็จน้อยกว่าทองรูปพรรณ และราคาซื้อขายอ้างอิงตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ การเปิดร้านทองต้องมีทองคำแท่งไว้เป็นสินค้าหลักเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่อการลงทุน
ทองรูปพรรณ
ทองรูปพรรณเป็นทองคำที่นำมาขึ้นรูปเป็นเครื่องประดับต่าง ๆ เช่น สร้อยคอ แหวน กำไล ต่างหู เข็มกลัด เป็นต้น โดยทองรูปพรรณจะมีราคาขายสูงกว่าทองคำแท่งเนื่องจากบวกค่ากำเหน็จเพิ่ม ทองรูปพรรณมีทั้งแบบทองคำ 96.5% ซึ่งเป็นที่นิยมทั่วไป และทองคำ 99.99% ที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า การเปิดร้านทองต้องคำนึงถึงความหลากหลายของรูปแบบทองรูปพรรณเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ
รายได้กับรายจ่ายของร้านทองมาจากไหน
รายได้หลักของร้านทองมาจากส่วนต่างราคาซื้อขายทองคำและค่ากำเหน็จ โดยร้านทองจะซื้อทองในราคาที่ต่ำกว่าราคาขาย ทำให้เกิดกำไรจากส่วนต่างนี้ นอกจากนี้ยังมีรายได้จากค่ากำเหน็จในการขายทองรูปพรรณ ส่วนรายจ่ายหลักประกอบด้วย ต้นทุนสินค้า ค่าเช่าพื้นที่ ค่าจ้างพนักงาน ค่าประกันภัย และค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจเปิดร้านทอง
ค่ากำเหน็จ คืออะไร
ค่ากำเหน็จคือค่าใช้จ่ายในการขึ้นรูปทองคำให้เป็นทองรูปพรรณ เป็นค่าตอบแทนในการทำเครื่องประดับที่ผู้ขายจะบวกเพิ่มจากราคาทองคำ โดยค่ากำเหน็จจะแตกต่างกันตามลวดลาย น้ำหนัก และความซับซ้อนของชิ้นงาน โดยทั่วไปค่ากำเหน็จจะอยู่ที่ประมาณ 5-15% ของราคาทองคำ ค่ากำเหน็จนี้ถือเป็นรายได้สำคัญของผู้ประกอบการเปิดร้านทองนอกเหนือจากส่วนต่างจากราคาซื้อขาย
เปิดร้านทองต้องขออนุญาตไหม
การเปิดร้านทองต้องขออนุญาตประกอบกิจการจากหน่วยงานราชการ โดยต้องขอจดทะเบียนพาณิชย์จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าภายใน 30 วันนับแต่วันเริ่มประกอบกิจการ หากมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร นอกจากนี้ยังต้องแจ้งความประสงค์ประกอบกิจการร้านทองกับสถานีตำรวจในพื้นที่เพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาความปลอดภัย
เปิดร้านทองต้องเสียภาษีอย่างไร
ธุรกิจเปิดร้านทองต้องเสียภาษีหลายประเภทตามกฎหมาย ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลตามรูปแบบการจดทะเบียน และภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยการซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณมีการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากส่วนต่างกำไรเท่านั้น ไม่ใช่จากมูลค่าทั้งหมดของทองคำ ผู้ประกอบการต้องเก็บหลักฐานการซื้อขายและจัดทำบัญชีให้ถูกต้องตามที่กรมสรรพากรกำหนด
เปิดร้านทองกำไรดีจริงไหม
การเปิดร้านทองถือเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนดีและมีความมั่นคงในระยะยาว โดยเฉลี่ยธุรกิจร้านทองสามารถทำกำไรได้ประมาณ 3-10% ต่อปีจากเงินลงทุน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ทำเลที่ตั้ง ขนาดร้าน ความผันผวนของราคาทอง และกลยุทธ์การตลาด อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ผู้ประกอบการจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในตลาดทองคำและการบริหารความเสี่ยงเป็นอย่างดี
วิธีเพิ่มความปลอดภัยในการเปิดร้านทอง
ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับธุรกิจเปิดร้านทอง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีทรัพย์สินมูลค่าสูง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพเพื่อปกป้องทั้งชีวิตและทรัพย์สิน การเปิดร้านทองจึงต้องวางแผนด้านความปลอดภัยอย่างรอบคอบตั้งแต่เริ่มต้น
- ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด : ควรติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ครอบคลุมทั้งภายในและภายนอกร้าน สามารถบันทึกภาพได้ทั้งกลางวันและกลางคืน มีระบบบันทึกข้อมูลที่ปลอดภัย และสามารถสำรองข้อมูลได้
- ติดตั้งระบบสัญญาณกันขโมย : ควรติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และระบบสัญญาณเตือนภัยที่เชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุม เมื่อมีการบุกรุกหรือเหตุการณ์ผิดปกติ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและเจ้าของร้านทันที ซึ่งการเปิดร้านทองจำเป็นต้องมีระบบนี้เพื่อป้องกันการโจรกรรม
- ติดตั้งประตูและกระจกนิรภัย : ควรติดตั้งประตูเหล็กและกระจกนิรภัยที่ทนทานต่อการงัดแงะหรือทุบทำลาย มีระบบล็อคที่แข็งแรงและปลอดภัย เพื่อป้องกันการบุกรุกและเพิ่มความปลอดภัยให้กับร้านทอง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนหรือวันหยุดที่ร้านปิดทำการ
- จัดจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย : การมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำร้านช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันการโจรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่ควรได้รับการฝึกอบรมให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างรวดเร็ว
เพราะการลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจเปิดร้านทอง แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้ประกอบการควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอย่างซีคอมที่พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ติดตั้ง และคอยประสานงานเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชม. ผ่านโซลูชัน Smart Security Business ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Tel. 02-026-6593 Email : [email protected] Line : @secomthailand
สำหรับ
ลูกค้าใหม่
ติดต่อปรึกษาเกี่ยวกับระบบความปลอดภัย
กรอกข้อมูลเพื่อรับการติดต่อกลับ
เวลาทำการของสำนักงาน
09.00น. - 18.00น.
สำหรับ
ลูกค้าปัจจุบัน
ติดต่อเรื่องการชำระเงินและใบแจ้งหนี้
Copyright © 2025 THAI SECOM SECURITY CO., LTD. All Rights Reserved